"ฉันจะข้ามภูเขา" พระธรรมสดุดี 121
โดย...อ.สมชาย ส่องทางธรรม
1 ข้าพเจ้าเงยหน้าดูภูเขา ความอุปถัมภ์ของข้าพเจ้ามาจากไหน
2 ความอุปถัมภ์ของข้าพเจ้ามาจากพระเจ้า ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์ และแผ่นดินโลก
3 พระองค์จะไม่ให้เท้าของท่านพลาดไป พระองค์ผู้ทรงอารักขาท่านจะไม่เคลิ้มไป
4 ดูเถิด พระองค์ผู้ทรงอารักขาอิสราเอล จะไม่ทรงหลับสนิทหรือนิทรา
5 พระเจ้าทรงเป็นผู้อารักขาท่าน พระเจ้าทรงเป็นที่กำบังที่ข้างขวามือของท่าน
6 ดวงอาทิตย์จะไม่โจมตีท่านในเวลากลางวัน หรือดวงจันทร์ในเวลากลางคืน
7 พระเจ้าจะทรงอารักขาท่านให้พ้นภยันตรายทั้งสิ้น พระองค์จะทรงอารักขาชีวิตของท่าน
8 พระเจ้าจะทรงอารักขาการเข้าออกของท่าน ตั้งแต่กาลบัดนี้สืบไปเป็นนิตย์
ชีวิต ของเราในยุคปัจจุบัน บางครั้งเราพบว่าการดำเนินชีวิตในสังคมยุคนี้ก็เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนักมี ความกดดันมากหลาย ในความตรึงเครียด ในหลายๆ ด้าน ทั้งความรู้สึกต่อประเทศของเรา สังคมที่เราอยู่ หรือครอบครัว การงาน การศึกษา ทั้งหมดอย่างที่เกี่ยวข้องชีวิตของเรา การใช้ชีวิตก็ไม่ง่ายนัก มีความหนักใจอยู่หลายๆ ด้าน มีเสียงถอนหายใจ และมีความกังวลใจกับอนาคตที่จะไปข้างหน้า ว่าเราจะก้าวไปข้างหน้าได้อย่างไร และบางครั้งมีอุปสรรคใหญ่น้อยที่เกิดขึ้นกับชีวิต ทำให้รู้สึกหนักใจหวาดกลัวและกังวลว่าเราจะเดินไปได้อย่างไร คนที่เริ่มแต่งงานก็จะมีความรู้สึกว่าจะสร้างครอบครัวไหวหรือไม่ จะปรับตัวเข้ากันได้หรือไม่ แม้แต่คนที่เริ่มเป็นแฟน หรือหาแฟน เริ่มคิดว่าจะยอมรับใครสักคน มีความรู้สึกกังวลใจหลายอย่าง นี่คืออะไร ใช่น้ำพระทัยพระเจ้าหรือไม่ เราจะก้าวไปอย่างไรดี มีความรู้สึกหลากหลายว่าจะไปรอดหรือไม่ เมื่อเริ่มมีลูกเราก็เริ่มจะมีใจว่าเราจะเลี้ยงลูกอย่างไร แล้วเราจะก้าวไปข้างหน้าอย่างไร กับชีวิตในยุคปัจจุบัน
บางครั้งการดำเนินชีวิตก็เหมือนกับเดินขึ้นภูเขาใหญ่ที่ขวางอยู่ข้างหน้าเราและ ถ้าจะขึ้นไปบนภูเขาลูกนี้ เราจะปีนขึ้นไปได้อย่างไร หรือบางครั้งเปรียบเหมือนกับไปยืนอยู่ข้างล่างของตึกใบหยก2 สูงมาก และแหงนหน้าขึ้น มองไปจนสุดยอดของตึกใบหยก2 และถ้าเราเดินขึ้นไปถึงยอดนั้น ด้วยกำลัง2 ขาของเรา เราอาจจบอกว่า...กำลังของข้าพเจ้าจะมาจากไหนหรือจะเดินขึ้นไปได้อย่างไร
บทเพลง สดุดี 121 เป็นบทเพลงของคนอิสราเอล เป็นบทเพลงการแห่ขึ้น เป็นบทเพลงของชนชาติอิสราเอลใช้ร้องเมื่อเขาเดินขึ้นไปยังเยรูซาเล็มซึ่ง เป็นภูเขาและพระวิหารของพระเจ้าก็อยู่บนภูเขา ไม่ว่าเขาอยู่ที่ไหนก็แล้วแต่ คนอิสราเอลต้องเข้าไปที่เยรูซาเล็ม เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลอย่างน้อย3 ครั้งต่อปี คือ
1. เขาไปร่วมเทศกาลปัสกา เพื่อจะระลึกถึงการที่พระเจ้าที่ปลดปล่อยคนยิวออกจากอียิปต์
2. เขาไปร่วมเทศกาลฉลองการเกี่ยวหรือเทศกาลเพนเทคอส เพื่อขอบคุณพระเจ้าสำหรับการอวยพร และการเลี้ยงดูของพระเจ้า และ
3. เขาก็ไปร่วมเทศกาลการฉลองพระวิหาร ไปสร้างเพิง สร้างเต้นท์ เพื่อระลึกถึงชนชาติอิสราเอลที่เคยเดินผ่านถิ่นทุรกันดาร และ เมื่อเขาเดินไปที่จุดเริ่มต้นที่เนินเขา พวกเขามองไปที่กรุงเยรูซาเล็ม บทเพลงก็จะถูกร้องว่า ..เมื่อข้าพเจ้าแหงนหน้าขึ้นภูเขาที่สูงชัน และต้องเดินขึ้นไปที่กรุงเยรูซาเล็ม ความอุปถัมภ์ ความสามารถ และกำลังที่ข้าพเจ้าจะเดินขึ้นไปบนภูเขานั้น จะมาจากไหนล่ะ เมื่อคำนึงถึงร่างกายที่อ่อนแอ เมื่อคำนึงถึงเข่าที่เมื่อยล้า สำหรับผู้อาวุโส หรือผู้ที่เจ็บป่วยก็จะเข้าใจ ถ้าจะต้องเดินขึ้นบนภูเขาสูงๆ เดินขึ้นบนเนินสูงด้วยกำลัง 2 ขาของตัวเอง จะเดินไปได้อย่างไร เหมือน นักท่องเที่ยวอาวุโสที่ไปเที่ยวเมืองจีน และต้องเดินขึ้นกำแพงเมืองจีน บางคนขาสั่น เพราะการเดินขึ้นกำแพงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และประสบการณ์ก็สอนเรา ชีวิตประจำวันบางครั้งเป็นอย่างนั้น เมื่อเราแหงนหน้าดูภูเขา ดูอุปสรรคหลายๆ อย่างที่อยู่ข้างหน้า จะเกิดคำถามว่า ความอุปถัมภ์ ความช่วยเหลือของข้าพเจ้าจะมาจากไหน ความสามารถที่จะดำเนินชีวิตและการเผชิญกับอุปสรรคต่างๆ เผชิญกับความกดดันที่เกิดขึ้นกับชีวิต ความสามารถนี้จะมาจากไหน คนของพระเจ้าสามารถปีนข้ามภูเขาได้ ไม่ว่าภูเขานั้นจะสูงใหญ่ สูงชัน หรือเล็กน้อยอย่างไร แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมองภูเขา เราสามารถจะตอบคำถามที่บอกว่า ความอุปถัมภ์ของข้าพเจ้ามาจากไหน คริสเตียนหรือคนของพระเจ้าสามารถปีนภูเขา หรือสามารถขึ้นไปบนยอดเขาได้ เพราะ ...
สิ่งแรก...ความช่วยเหลือและ ความอุปถัมภ์ของเรามาจากพระเจ้า
สดุดี 121 ข้อที่ 2 บอกว่า ความช่วยเหลือและความอุปถัมภ์ของข้าพเจ้ามาจากพระเจ้าผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก
ทำไม คริสเตียนจึงสามารถเผชิญอุปสรรคต่างๆได้ เพราะความช่วยและ กำลังต่างๆไม่ได้มาจากตัวของเรา แต่มาจากพระเจ้า เมื่อคำถามต่างๆเกิดขึ้น ว่า แล้วข้าพเจ้าจะปีนขึ้นภูเขานี้ได้อย่างไร?...เราสามารถตอบได้ว่า ข้าพเจ้าปีนได้แน่นอน เพราะความช่วยเหลือและกำลังต่างๆไม่ได้มาจากตัวข้าพเจ้าเอง แต่มาจากพระเจ้าผู้สร้างภูเขา และพระองค์สามารถให้ข้าพเจ้าปีนขึ้นไปบนภูเขานี้ได้
ความ ช่วยเหลือ ความอุปถัมภ์ของข้าพเจ้ามาจากพระเจ้า ในภาษาเดิมของพระคัมภีร์ใช้คำว่า พระเยโฮวาห์ หรือจากพระยาเวห์ แต่ในความหมายพระคัมภีร์ใช้คำนี้เช่นเดียวกับที่พูดกับโมเสส เมื่อเขาถามคำถามว่า พระองค์เป็นผู้ใด ข้าพระองค์จะบอกคนอิสราเอลได้อย่างไรว่า พระองค์เป็นใคร และพระเจ้าตอบกับโมเสสว่า “เราเป็นผู้ซึ่งเราเป็น เราคือพระเยโฮวาห์ พระเจ้าผู้ทรงมีชีวิตอยู่” และคำนี้ ก็ใช้กับคำว่า ความอุปถัมภ์ของข้าพเจ้ามาจากพระเจ้าผู้ทรงเป็นอยู่ พระเจ้าที่บอกว่า เราเป็นผู้ซึ่งเราเป็น และเป็นพระเจ้าผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ไม่มีใครเป็นผู้สร้างเรา
เมื่อ เผชิญกับอุปสรรคและความกดดันต่างๆ เมื่อเรามองดูสิ่งที่เราจดจ่อ มองดูเนินเขา เราจะมีความรู้สึก กลัวและขยาด แต่พระคัมภีร์สอนเราให้มองไปให้ไกลกว่านั้น ให้สายตาเราเลี้ยวยอดเขาขึ้นไป ถึงพระผู้สร้างที่อยู่เบื้องบนภูเขานั้นและความช่วยเหลือทุกอย่างมาจากพระ เจ้าองค์นี้...อาจจะมีคนถามว่าพระเจ้าของเราเป็นใคร ยิ่งใหญ่ขนาดไหน เราอาจจะตอบว่า ไม่ทราบว่าพระเจ้ายิ่งใหญ่ขนาดไหน คงไม่สามารถวัด ไม่สามารถจับต้องพระองค์และวิจัย วินิจฉัยและวิจารณ์พระองค์ได้ ไม่รู้จริงๆว่าพระองค์เป็นใคร มาจากไหน ทำอะไร รู้แต่ว่าพระองค์สร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ก็คือ ฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกที่กว้างใหญ่ไพศาลนี้
เรามัก จะได้อ่าน หรือได้ยินข่าวเรื่องของลูกผู้มีอำนาจของบ้านเมือง เมื่อทำผิด มักจะถามว่า ...คุณรู้หรือเปล่าว่าผมลูกใคร??? คำถามนี้ได้ยินบ่อยๆในเมืองไทย ...ขนาดตัวเขาเองยังไม่รู้ว่าเขาเป็นลูกใคร...
แต่ถ้า เป็นเราทั้งหลาย เมื่อมีคนถามว่า พระเจ้าของเราเป็นใคร อาจจะตอบได้ไม่ถูกทั้งหมด แต่สามารถบอกได้ว่าพระเจ้าองค์นี้ คือพระเยโฮวาห์ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ที่กว้างใหญ่ไพศาลนี้ และพระองค์เป็นความอุปถัมภ์ เป็นความช่วยเหลือของเรา ในบางครั้งสายตาของเรา เมื่อจดจ่ออยู่กับสิ่งที่อยู่ใกล้เกินไป สายตาอาจจะมีปัญหา เช่น มีผู้หญิงคนหนึ่งไปหาจักษุแพทย์ บอกหมอว่า ตาของเธอมีปัญหา เมื่อยตามาก เมื่อหมอตรวจดูก็บอกเธอว่า กล้ามเนื้อตาถูกใช้มากเกินไป คุณจดจ่ออยู่กับสิ่งที่อยู่ใกล้เกินไป ต้องพักสายตาของคุณบ้าง..เธอบอกว่า หยุดพักไม่ได้หรอก เพราะงานของเธอเป็นงานที่ต้องใช้สายตาจดจ่ออยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอด เวลา...และไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงได้ หมอถามว่า ที่สำนักงานของคุณมีหน้าต่างหรือเปล่า เธอก็บอกว่ามี และที่นอกหน้าต่างของคุณทัศนียภาพเป็นยังไง??? เธอบอกว่า สวยมาก มีภูเขาที่อยู่ไกล มีต้นไม้และสามารถมองไปได้ไกล หมอบอกกับเธอว่า ถ้าทุกๆ วันต้องนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ ลองเปลี่ยนนั่งหน้าต่างมองออกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะมองได้ ถ้ายิ่งมองไกลสายตาคุณยิ่งได้พักผ่อน การจดจ่ออยู่กับสิ่งใดมากเกินไปจะทำให้ตาคุณล้า
พระ คัมภีร์บอกว่า เมื่อข้าพเจ้ามองดูภูเขาความหวั่นไหว ความเหน็ดเหนื่อย ความเชื่อฝ่ายจิตวิญญาณของเราก็เกิดขึ้น แต่ให้มองไกลออกไปถึงพระผู้สร้าง ตาของเราจะพักผ่อนเพราะได้มองไกล หลายครั้งเรารู้สึกอย่างนั้น เมื่อจดจ่ออยู่กับภูเขาของเรามันยิ่งใหญ่มาก เราจะเดินไปได้อย่างไร เราทุกข์ใจกับสิ่งที่อยู่รอบตัว จนไม่มีความอะไรสักอย่าง สิ่งนี้ก็ไม่ดี สิ่งโน้นก็ไม่ดี เกิดความหงุดหงิดไม่มีความสุขกับชีวิต เพราะเรามองแต่อุปสรรค เราไม่จริงใจกับสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา
สามีคน หนึ่งมีปัญหากับภรรยา ความเครียดทำให้รู้สึกวุ่นวายกับภรรยา ไม่ว่าเธอทำอะไรก็ผิดไปหมด มีปัญหาสารพัด ทำอะไรก็ไม่ถูกใจ ...วันหนึ่งสามีลืมเอกสารไว้ในรถ จึงบอกภรรยาให้ไปเอาเอกสารในรถให้หน่อย ภรรยาก็ไปเอามาให้ แต่ปรากฏว่า เธอลืมกุญแจใว้ในรถและก็ล็อครถเรียบร้อยแล้ว เธอจึงบอกสามีว่า ฉันลืมกุญแจไว้ในรถ สามีจึงอารมณ์เสีย และพูดออกมาว่า ...โอ๊ย! ชะตากรรม นี่มันเกิดอะไรขึ้น พระเจ้าสร้างคุณสวยแต่ทำไมคุณโง่อย่างนี้ เขาต่อว่าภรรยาของตัวเอง และภรรยาก็โต้ตอบกลับไปว่า ใช่ฉันยอมรับว่าฉันสวย เพราะพระเจ้าสร้างฉันมาสวยแต่ฉันก็ยอมรับว่าฉันโง่ โง่ที่มาแต่งงานกับผู้ชายอย่างคุณ คุณเป็นคนที่ขี้โมโห เจ้าอารมณ์ ใจแคบ ขี้หงุดหงิด แต่พระเจ้าก็ให้ฉันมารักคุณ แต่งงานกับคุณ ... บางครั้งที่เราจดจ่ออยู่กับสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเรา เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อาจทำให้เรามีความรู้สึกทุกข์ใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อมองดูภูเขาความอุปถัมถ์ของข้าพเจ้ามาจากไหน จากพระเจ้าผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก พระเจ้าสามารถชูกำลังและความช่วยเหลือนั้นทำให้เราเดินขึ้นไปบนภูเขาได้
สิ่งที่สองที่ทำให้เราสามารถเดินขึ้นไปบนภูเขา เพราะพระเจ้าเป็นความช่วยเหลือชีวิตของเรา
พระคัมภีร์กล่าวว่า พระเจ้าทรงเป็นผู้ปกป้อง อารักขาชีวิตของเรา ใน สดุดี 121 ข้อที่ 3 พระคัมภีร์บอกว่า พระองค์จะไม่ให้เท้าของท่านพลาดไป พระองค์ผู้ทรงอารักขาท่านจะไม่เคลิ้มหลับไป ดูเถิดพระองค์ผู้ทรงอารักขาอิสราเอลจะไม่หลับสนิท
ความ รู้สึกของผู้เขียนสดุดีตอนนี้กำลังบอกเราว่า พระเจ้าเป็นผู้ที่สามารถปกป้องรักษา ขณะที่เรากำลังจะเดินขึ้นไปบนภูเขา พระคัมภีร์ไม่ได้บอกว่าจะจับเรา ยกเราไปไว้บนยอดเขา
ขณะที่ เราเดินขึ้นไปบนภูเขา พระเจ้าทรงเป็นผู้ปกป้องอารักขา พระองค์จะไม่ทำให้เท้าของเราพลาดไป ขณะที่เราเดินขึ้นไปบนภูเขา ผ่านก้อนหิน ผ่านหลุม ผ่านซอกผาต่างๆ เท้าของเราจะเดินขึ้นไปอย่างมั่นคงและพระเจ้าจะปกป้องเท้าของเราขณะที่เดิน ไป และให้เราสามารถเดินขึ้นไปได้อย่างปลอดภัย
คนที่ เคยปีนขึ้นหน้าผาจะรู้ดี ถ้าเท้าพลาด ก็ร่วง แต่พระคัมภีร์ให้จินตนาการว่า เท้าของผู้ชอบธรรมที่เชื่อในพระเจ้า ขณะที่เขาเดินขึ้นไปบนภูเขา พระคัมภีร์ทำให้เท้าของเราเหมือนดั่งกวางตัวเมียหรือแพะภูเขาและไม่ใช่แพะ ตัวผู้ แต่เป็นเท้าของกวางตัวเมียที่ตั้งครรภ์ กวางตัวผู้ถ้ามันกระโดดไปตามหน้าผาต่างๆ บนก้อนหินที่สิงห์โตหรือเสือดาวปีนไม่ได้ แต่กวางมีความสามารถพิเศษที่กระโดดไปตามหน้าผาต่างๆ ได้ และดูสง่างามบนหน้าผาสูง แต่ถ้ากวางตัวผู้ธรรมดาก็ดูโอเค มันมีพลัง มีความแข็งแรง
พระ คัมภีร์บอกว่า เท้าของผู้ชอบธรรมจะเป็นดั่งกวางตัวเมียที่ตั้งครรภ์มีท้องใหญ่ แม้มันมีภาระหนักมีท้องใหญ่ ยังมีความสามารถกระโดดไปตามหน้าผาและไม่เคยตกหน้าผา พระคัมภีร์บอกว่าพระเจ้าจะไม่ทำให้เท้าของท่านพลาดไป เมื่อมีภาระหนักที่แบก และจะต้องปีนภูเขา เดินขึ้นไปด้วยความเชื่อกับพระเจ้า เท้าของท่านจะไม่พลาดไป
ยุค ปัจจุบันนี้ เป็นยุคที่เราเรียกกันว่า ยุคจตุคามครองเมือง แต่คริสเตียนมีจตุคำ เรามีพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นพระเจ้าทรงยิ่งใหญ่ ให้มีจตุคำไว้ในใจ แม้ว่าภูเขาจะสูง แต่พระเจ้ายิ่งใหญ่ ใหญ่กว่าภูเขา และเท้าของข้าพเจ้าจะไม่ผิดพลาด พระคัมภีร์บอกว่า พระเจ้าองค์นี้ที่เฝ้าอารักขาจะไม่เคลิ้มหลับ เราอาจจะมีประสบการณ์กับมนุษย์ บางครั้งเราขอความช่วยเหลือจากคนที่ดูแลเรา หรือคาดหวัง หรือแม้แต่ผู้รักษาความปลอดภัยที่จ้างมาด้วยเงินแพงๆ ก็ยังเคลิ้มหลับไป แต่พระคัมภีร์บอกว่าพระเจ้าองค์นี้ไม่เคยเคลิ้มหลับไปจากชีวิตของเรา
พระของ คนต่างชาติ ในสมัยของพระคัมภีร์เดิม เขาอนุญาตให้พระของเขาหลับได้บ้าง ตอนเอลียาห์แข่งขันที่อยู่บนภูเขาคาราเมลเผาเครื่องบูชาท้าทายกับพระต่าง ชาติ เอลียาห์สร้างแท่นบูชา พวกพระบาอัลก็สร้างแท่นบูชา เต้นรำ เชือดเนื้อ เพื่อเรียกพระให้เทไฟลงมา พระของพวกเขาบางคนก็หลับอยู่ ต้องไปปลุกให้ลุกขึ้นมา
พระ คัมภีร์บอกว่าพระเจ้าของเราไม่เคยหลับ ไม่เคยบอกว่าพักเที่ยง เมื่อไหร่ที่เราแสวงหาพระเจ้า พระเจ้าเปิดตลอด 24 ชั่วโมง ไปหาพระเจ้าได้เสมอ ถ้าเป็นมนุษย์ เสาร์-อาทิตย์ ปิดเวลาแล้ว โทรไปสำนักงานยังไม่เปิด โทรตอนเที่ยงติดพักเที่ยง โทรไปตอนสี่โมง ให้ติดต่อในวันทำการต่อไป ความช่วยเหลือ ความสามารถที่จะดูแลชีวิตของเราไม่พร้อม และหลายครั้งมนุษย์ก็เผลอหลับไปจากชีวิต หรือแม้แต่ตัวเราเอง บางครั้งแม้จะพยายามด้วยตัวเองแล้ว แต่เราก็เผลอหลับ ไม่มีกำลังที่จะสามารถดูแลชีวิตของตน ซึ่งตรงข้ามกับพระเจ้า พระองค์ไม่เคยเคลิ้มหลับจากชีวิตของเรา พระองค์เป็นความอุปถัมภ์ดูแลชีวิตของเรา และสายตาของพระองค์เปิดดูชีวิตของเราอยู่เสมอ ตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ 30-31วันต่อเดือน 365-366 วันต่อปี และชีวิตของเรา พระเจ้าองค์นี้เป็นผู้ปกป้องรักษา เราจึงสามารถปีนภูเขาได้
ที่ อำเภอสารภี จ.เชียงใหม่ ช่วงที่หลังจากปลูกข้าว มีอีกอาชีพหนึ่งคือปลูกกระเทียม เวลาผ่านไปสองสามเดือนกระเทียมเริ่มแก่ ก็จะมีการถอนกระเทียมและเอาไปตากที่ลาน และมีอาชีพเสริมเกิดขึ้นก็คือ เมื่อชาวบ้านถอนกระเทียม ก็มีโจรมาคอยขโมยกระเทียม ลุงมั่นแกรู้ว่า ถ้าถอนกระเทียมวันนี้ วันรุ่งขึ้นก็จะมีโจรมาขโมยแน่ๆ ลุงมั่นจึงมีความตั้งใจว่าจะไปนอนเฝ้ากระเทียมตอนกลางคืน ในคืนวันนั้น ลุงมั่นไปที่สวนกระเทียมพร้อมกับตะเกียง และก็เริ่มกางมุ้งเพราะยุงเยอะ เอาวิทยุไปฟังเพื่อช่วยบรรยากาศ ลุงมั่นไปนอนเฝ้ากระเทียม และมีสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น คือ เมื่อตื่นเช้ามา กระเทียมก็หาย มุ้งก็หาย วิทยุก็หาย แถมตระเกียงก็หายไปด้วย ...เพราะลุงมั่นไปนอนหลับกรนทั้งคืน ..หลับสนิท นิทราไปจากสิ่งที่ตนเองเฝ้าไม่สามารถที่จะดูแลได้
สำหรับ พวกเราแล้ว เราขอบพระคุณพระเจ้าองค์นี้ ผู้ทรงปกป้องรักษาเรา พระองค์ไม่เคยเคลิ้มหลับ ไม่เคยหลับสนิท ไม่เคยนิทราไปจากชีวิตของเรา เรารู้ว่าในขณะที่เรากำลังปีนขึ้นไปบนภูเขา พระเจ้าทรงปกป้องรักษา
สิ่งที่ 3 ที่พระคัมภีร์บอกเราก็คือว่า เราสามารถขึ้นภูเขา แห่งชีวิตของเราได้ เพราะพระเจ้า ทรงเป็นร่มเงา เป็นที่กำบังให้กับชีวิตของเรา
สดุดี 121 ในข้อที่ 5-6 พระ เจ้าทรงเป็นผู้อารักขาท่าน พระเจ้าทรงเป็นที่กำลังที่ข้างขวามือของท่าน ดวงอาทิตย์จะไม่โจมตีท่านในเวลากลางวัน หรือดวงจันทร์ในเวลากลางคืน...
พระ เจ้าจะทรงอารักษาการไป มาของท่าน ตลอดชีวิต ตลอดนิรันดร์ พระเจ้าทรงเป็นร่มเงา ถ้าเราไปเดินในทะเลทราย ความร้อนแรงของดวงอาทิตย์จะมีพลังมากมาย ..ในแถบตะวันออกกลางความรุนแรงของแดดที่เผา บางคนอาจจะเป็นลมได้ แต่พระเจ้าบอกว่า พระองค์จะเป็นที่กำบัง เป็นร่มเงา เหมือนกับเมฆที่เข้ามาบังดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงเจิดจ้า และเงาของเมฆก็บังตัวเราไว้ ทำให้แสงของดวงอาทิตย์ไม่ถึงตัวเรา และเงาอย่างนั้นก็ปกป้องจากการเผาไหม้ของดวงอาทิตย์ เหมือนเราไปนั่งใต้ต้นไม้ ที่ร่มเงาของมันก็บังเราจากความร้อน ...พระคัมภีร์บอกว่า พระเจ้าทรงเป็นที่กำบัง คือ ทรงเป็นร่มเงา พระองค์อยู่กลางระหว่างความร้อนของดวงอาทิตย์และตัวเรา ให้ร่มเงาของพระเจ้าที่บังเราไว้นั้นปกคลุมชีวิตของเราไว้ ขณะที่เราเดินขึ้นไปบนภูเขาความร้อนแรงจากดวงอาทิตย์ อุปสรรคปัญหา ความกลัวทั้งหลาย ภยันตรายต่างๆที่จะเกิดขึ้นกับชีวิต พระคำของพระเจ้าบอกว่า พระเจ้าทรงเป็นกำบัง ทรงเป็นร่มเงาพิทักษ์รักษาไว้ เราจึงสามารถที่จะเดินขึ้นไปบนภูเขา และไปสู่ยอดเขาได้โดยมีร่มเงาที่พระเจ้าทรงปกป้องรักษาชีวิตของเรา ดวงอาทิตย์จะไม่โจมตีท่านในเวลากลางวัน หรือดวงจันทร์ในเวลากลางคืน
ความ คิดของคนในสมัยก่อนคิดว่า แสงจันทร์จะทำอันตรายต่อสมองของเขา รัศมีของดวงจันทร์หรือแสงเมื่อมองดูแล้ว แสงนั้นสามารถมีผลกับคลื่นสมองของเขา หรือพระคัมภีร์ตอนนี้ เป็นสำนวนที่เล่นคำ ที่มีความหมายว่า เราจะไม่โดนโจมตีตลอด 24 ชั่วโมง พระเจ้าทรงปกป้องดูแล ความต้องการของเรา
มี นักเทศน์ท่านหนึ่ง เป็นนักเทศน์อาวุโส ต้องใส่ฟันปลอมทั้งแผง พอถึงวันอาทิตย์ท่านจะเป็นผู้เทศนา พอใกล้จะถึงเวลาเทศน์ ก็รู้สึกว่าปากของตัวเองแปลกๆ เพราะลืมใส่ฟันปลอม เวลาพูดก็จะแปลกๆ หน้าตาก็จะแปลกๆ สมาชิกท่านหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างๆก็สังเกตเห็น จึงถามว่า ดูอาจารย์ท่าทางกังวลใจ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า... นักเทศน์ท่านนั้นจึงตอบว่า “ผมลืมเอาฟันปลอมมา” “อ้อ ไม่เป็นไรอาจารย์ เดี๋ยวไปห้องน้ำกับผม” พอไปถึงห้องน้ำ มีกระเป๋าใบใหญ่เปิดออกมา มีฟันปลอมอยู่ในนั้นมากมาย “อาจารย์ลองดูนะว่าอันไหนเหมาะกับอาจารย์” นักเทศน์ท่านนั้นก็หยิบมาลอง บางอันก็ใหญ่ไป บางอันก็เล็ก ทดสอบไป 4- 5 อันก็พบกับอันที่พอเหมาะกับปากของตัวเอง หลังจากนั้นท่านก็ขึ้นไปเทศนาด้วยความมั่นใจ พอเทศน์เสร็จก็จะเอาไปคืน “อ๋อ ไม่ต้องหรอกอาจารย์ผมมีเยอะ”... “ผมเดาว่า คุณคงจะเป็นทันตแพทย์ใช่ไม๊ ถึงได้มีฟันปลอมพร้อมเสมอสำหรับลูกค้า” “..อ่อ เปล่าครับอาจารย์ ผมเป็นสัปปะเหร่อ อันนี้ผมยกให้อาจารย์ฟรีๆ” ..ความช่วยเหลือมาพร้อมเสมอ เมื่อไหร่ที่ต้องการก็มีให้
พระ เจ้าเป็นความช่วยเหลือที่พร้อมอยู่เสมอในความต้องการในชีวิต มีสิ่งที่พอเหมาะ พอดีกับตัวเราอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นอย่ากังวลใจ เมื่อจะเดินขึ้นภูเขา เมื่อจะเดินผ่านความร้อนของชีวิต พระเจ้าองค์นี้จะเป็นผู้ที่จะปกป้องรักษาชีวิตของเรา
บาง ครั้งมีคำถามในส่วนชีวิตของเรา เมื่อเงยหน้าดูภูเขา ความอุปถัมภ์ ความช่วยเหลือ ความสามารถที่จะเดินขึ้นไปบนภูเขา ข้าพเจ้าจะทำได้อย่างไร ให้ตอบตัวเองอยู่เสมอว่า ความอุปถัมภ์ของข้าพเจ้ามาจากพระเจ้าผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก พระเจ้าทรงเข้าใจเรา ขณะที่เดินอยู่ในโลกที่มีความกดดัน เมื่อ วางใจในพระเจ้า ไม่ว่าภูเขาจะสูงแค่ไหนเราก็เดินขึ้นไปได้ แต่ถ้าเราไม่มีพระเจ้า ไม่วางใจในพระเจ้า แม้แต่จอมปลวกเล็กๆ เราก็ข้ามไม่ได้ อาจจะสะดุดล้มฟาดลง ไม่สามารถข้ามไปได้ แต่ถ้าเราละสายตาจากภูเขา มองขึ้นไปบนยอดเขา ไกลจากภูเขาไป สายตาแห่งความเชื่อ เราจะเห็นพระเยโฮวาห์ พระผู้สร้างฟ้าสวรรค์และสร้างภูเขาเหล่านี้
----------------------------------------------------------